top of page
Search

Easter Day วันอีสเตอร์เทศกาลที่สำคัญของชาวคริสต์

  • Writer: Alex in the Wonderland
    Alex in the Wonderland
  • Apr 9, 2020
  • 1 min read

Updated: Apr 10, 2020




Easter Day วันอีสเตอร์เทศกาลที่สำคัญของชาวคริสต์ ความสำคัญของอีสเตอร์ อีสเตอร์ วันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในปฏิทินของชาวคริสต์ เป็นการเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู และเป็นหัวใจแห่งความเชื่อศรัทธาของคริสตชนทั้งปวง.​ แล้วปาฏิหาริย์นี้เกี่ยวข้องอะไรกับกระต่ายและไข่หลากสีด้วย คำตอบซ่อนอยู่ในพิธีกรรมและประเพณีที่สืบต่อกันมาเป็นหลายร้อยชั่วอายุคน

ตามบันทึกในพระคัมภีร์ใหม่ พระเยซูและพระอัครธรรมฑูต (The Apostle) เดินทางไปที่เมืองเยรูซาเลม (Jerusalem) เพื่อประกอบพิธี Passover ซึ่งเป็นเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิวเพื่อรำลึกถึงการที่ชาวฮิบรูได้รับการปลดปล่อยจากความเป็นทาส หลังอาหารค่ำในพิธี Passover พระเยซูทรงถูกจับกุม และในวันที่เรียกกันในปัจจุบันว่า วันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) พระเยซูก็ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน แต่เพียงสองวันนับจากนั้น ท่านก็ทรงฟื้นคืนพระชนม์


ชนชาติยิวเป็นคนกลุ่มแรกที่เริ่มเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์นี้ โดยคาดกันว่าอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล Passover ที่จริงแล้ว การเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์เดิมเรียกว่า Pascha ซึ่งมาจากคำว่า Pasach คำในภาษายิวที่แปลว่า Passover เดิมที เทศกาลอีสเตอร์เฉลิมฉลองกันในวันที่สองถัดจากวัน Passover ดังนั้นมันอาจจะเป็นวันไหนก็ได้ในหนึ่งอาทิตย์ แต่วันอีสเตอร์ที่ตรงกับวันพุธ ออกจะรู้สึกแปลกๆอยู่ ในปี ค.ศ. 325 จักรพรรดิคอนสแตนติน (Constantine) ของอาณาจักรโรมัน และที่ประชุมแห่งไนเซีย (The Council of Nicaea) ตัดสินว่าเทศกาลอีสเตอร์ควรต้องตรงกับวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมา วันอีสเตอร์ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์นั้น จะเป็นวันอาทิตย์แรก หลังพระจันทร์เต็มดวงในวัน Spring Equinox ซึ่งอาจจะเป็นวันไหนก็ได้ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม-25 เมษายน ในช่วงเดียวกันนี้ ชาวคริสต์ได้เริ่มธรรมเนียมเฉลิมฉลองเทศกาลอีกสเตอร์ขึ้นเป็นอย่างแรก นั่นคือธรรมเนียมการการจุดเทียนปัสกา (Paschal Candle) ซึ่งเปลวเทียนนั้นเป็นสิ่งระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู เป็นเหมือนแสงที่ส่องสว่างออกมาท่ามกลางความมืดมิด

ขณะที่ศาสนาคริสต์ได้แผ่ขยายออกไปทั่วทวีปยุโรป มีธรรมเนียมเดิมตามความเชื่อของเพเกนบางอย่างที่ผสมผสานเข้ากับความเชื่อของศาสนาคริสต์ด้วย


ที่จริงแล้ว คาดว่าคำว่า “อีสเตอร์ ” ที่นำมาใช้สำหรับการฉลองนั้นมาจากคำว่า​ “EOSTRE” เป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งฤดูใบไม้ผลิของพวกทูโทนิค และเป็นเทพเจ้าแห่งการฟื้นคืนชีพอีกด้วย เพราะก่อนถึงฤดูนี้ ต้นไม้ ใบหญ้า ดอกร่วงหล่นเหลือแต่ซาก พอถึงฤดูใบไม้ผลิมันจะกลับผลิดอกออกใบมีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง ฉะนั้นฤดูใบไม้ผลิ จึงถูกนำมาเปรียบกับการฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูด้วย จึงเรียกวันนี้ว่า “อีสเตอร์” และนี่นำเรามาสู่​ไข่อีสเตอร์​ (Easter Egg)

สัญลักษณ์ของเทศกาลอีสเตอร์ Easter Eggs : ไข่อีสเตอร์ ไข่อีสเตอร์ (Easter Egg) คือ​ ไข่ที่ถูกตกแต่งสำหรับมอบให้กัน เพื่อฉลองเทศกาลอีสเตอร์ หรือฤดูใบไม้ผลิ ไข่อีสเตอร์พบทั่วไปในฤดูของอีสเตอร์ไทด์ (ฤดูกาลอีสเตอร์) เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ชีวิต และการเกิดใหม่ ไข่มีความเกี่ยวข้องกับเทศกาลอีสเตอร์มาตั้งแต่สมัยโบราณ ในช่วงเวลาถือศีลอดของชาวยิว จะห้ามกินไข่ หลังจากแม่ไก่ออกไข่ ไข่เหล่านั้นจะถูกเก็บไว้ จนกว่าถึงวันอีสเตอร์ หลังการให้ศีลให้พรแล้ว ไข่ที่ทาสีจนสวยงามจะถูกนำมามอบให้กับเด็กๆ


คาดว่าชาวคริสต์รับเอาไข่มาเป็นส่วนหนึ่งในธรรมเนียมเทศกาลอีสเตอร์ในช่วงศตวรรษที่ 13 ไข่แดงในเปลือกเป็นสัญลักษณ์แทนการปรากฏตัวของพระคริสต์จากหลุมฝั่งพระศพ และย้อมเปลือกไข่เป็นสีแดงเพื่อแทนพระโลหิตที่พระคริสต์ต้องสูญเสียไปบนไม้กางเขน


แต่ในประเพณีสมัยใหม่ ใช้ไข่ช็อกโกแลต หรือไข่พลาสติกสอดไส้ขนม เช่น ช็อกโกแลต ทำไข่พลาสติกที่บรรจุขนมหวานไว้ข้างใน และมีการเอาไข่ต้มมาทาสี หรือ ไข่พลาสติกสีสันต่างๆ ไปซ่อนให้เด็กค้นหา

Easter Bunny : กระต่ายอีสเตอร์ กระต่ายเป็นสัญลักษณ์ของ “ชีวิตใหม่” ตามความเชื่อของเพเกน เนื่องจากกระต่ายจะออกลุกดกในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งกระต่ายนี้ จะเน้น “การมีชีวิตใหม่” มากกว่าการเน้น “การเป็นขึ้นจากความตาย” มาดูที่ความเชื่อโบราณของคนอียิปต์ กระต่ายเป็นสัญลักษณ์ของ “ดวงจันทร์” ประกอบกับการยึดเอาปฏิทินทางจันทรคติมาเป็นตัวกำหนดวันอีสเตอร์ในแต่ละปี ด้วย ดังนั้นกระต่ายจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของอีสเตอร์ไปเลย ในช่วงศตวรรษที่ 16 พ่อแม่เริ่มบอกลูกตัวเองว่า ถ้าเด็กๆเป็นเด็กดี กระต่ายอีสเตอร์ก็จะมาวางไข่หลากสีไว้ที่บ้าน เด็กๆก็จะทำรังไว้ในบ้าน เพื่อล่อให้กระต่ายเข้ามา นี่เองเป็นที่มาของประเพณีการล่าไข่อีสเตอร์ (Ester Egg Hunt) และตะกร้าไข่อีสเตอร์ (Easter Basket)


เพื่อช่วยให้เด็กๆ เติมตะกร้าอีสเตอร์ให้เต็มได้ง่ายขึ้น ช่างทำช๊อคโกแล็ตในยุโรป ในช่วงยุคศตวรรษที่ 19 ได้เริ่มผลิตช๊อคโกแล็ตรูปไข่ออกมา ขนมแบบนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และคนในปัจจุบันใช้เงินเป็นพันๆล้านดอลลาร์ทุกปี เพื่อซื้อขนมในเทศกาลอีสเตอร์


ดอกไม้อีสเตอร์ สำหรับเทศกาลอีสเตอร์ ดอกไม้ประจำเทศกาลนี้คือดอกลิตเติ้ลเดซี่ (Little Daisy) ที่เบ่งบานประกาศการกลับมาของฤดูใบไม้ผลิ แม้บางพื้นที่ดอกไม้นี้จะออกดอกเกือบทั้งปี แต่เดือนที่มีการเบ่งบานมาที่สุดคือช่วงเดือนมีนาคม – ตุลาคม นอกจากนี้ยังมี ดอกลิลลี่สีขาว ที่มีเชื่อมโยงกับเทศกาลอีสเตอร์เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เทศกาลอีสเตอร์เป็นวันแห่งความปีติที่ชาวคริสต์เฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู แค่สองพันปีที่ผ่านมานี้มีธรรมเนียมประเพณีใหม่ๆ ถูกผนวกเข้าไว้มากมาย บ้างเป็นประเพณีทางศาสนา และบ้างก็เป็นประเพณีเพื่อความสนุกสนาน แต่อีสเตอร์ยังเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิด้วย ฤดูกาลที่ชีวิตใหม่เกิดขึ้นหลังความหนาวเย็นของฤดูหนาว

 
 
 

Comments


About Me

Hi my name is Alex. I love travelling and cooking (I think Eating is appropriate for me), love to learn the new culture, interest in history and love make the new friends. When I was in Thailand I was freelance tourist guide took the tourist travel around in Thailand and oversea. I would love to share my travel  story on this website.  Now I am base in Sydney Australia.

 

And you can also follow my journey on my Instagram, Facebook and subscribe my channel on YouTube at ‘Alex in the Wonderland channel’.

contact : Iamalexsao@gmail.com

 

Join My Mailing List

© 2023 by Going Places. Proudly created with Wix.com

bottom of page