top of page
Search

Brisbane at first sight part 5

  • Writer: Alex in the Wonderland
    Alex in the Wonderland
  • May 14, 2019
  • 3 min read

Updated: May 18, 2019

ครั้งแรกที่บริสเบน ตอนที่ 5



Day 4 Hotel >> Lone Pine Koala Sanctuary>>Queen St. Mall>>Central Station>>Brisbane Domestic Airport>>Sydney Domestic Airport>>Home




วันนี้ตื่นแต่เช้าอีก 1 วัน เพราะถือได้ว่าเป็นโปรแกรมสำคัญหนึ่งหากได้มีโอกาสมาเที่ยวที่บริสเบน และประเทศออสเตรเลียค่ะ เพราะวันนี้สาวจะไปเที่ยวที่สวนอนุรักษ์โควล่าที่ใหญ่ที่สุด และเก่าแก่ที่สุดในโลก คือ Lane Pine Koala Sanctuary อยู่ห่างจาก ตัวเมืองบริสเบนประมาณ 12 กิโลเมตร ที่นี่มีโควล่าอยู่ 130 ตัว รวมถึงจิงโจ้ และสัตว์ท้องถิ่นอื่นๆ อีกมากมาย




ประเทศออสเตรเลีย เป็นประเทศที่เป็นเกาะขนาดใหญ่ แยกเป็นเอกเทศจากแผ่นดินใหญ่ประเทศอื่นๆ มาตั้งแต่หลายล้านปีก่อน ทำให้ทั้งพืชพันธุ์ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ แตกต่างจากประเทศอื่นๆ และทำให้เมื่อใครต่อใครได้มีโอกาสเดินทางมาที่ออสเตรเลีย หนึ่งในลิสต์ที่พลาดไม่ได้ คือ ต้องไปชม สิ่งมีชีวิตที่มีเฉพาะที่นี่เท่านั้น เช่น โควล่า และ จิงโจ้ อย่างที่เป็นที่รู้ๆ กัน


Lone Pine Koala Sanctuary สร้างขึ้นในปี 1927 ตั้งอยู่ใน Suburban Fig tree Pocket ชื่อของสถานที่นี้มาจาก Lone Hoop Pine ที่ถูกปลูกขึ้นโดยครอบครัว Clarkson ผู้เป็นเจ้าของที่ดิน โดยมีโควล่า ชื่อ Jack และ Jill เพียง 2 ตัวเท่านั้น เมื่อครั้งสวนแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้น



สวนอนุรักษ์แห่งนี้เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อมีชาวอเมริกันให้ความสนใจกับสัตว์พื้นเมืองของออสเตรเลีย และที่นี่ยังเป็นสวนอนุรักษ์ในอีกไม่กี่สวนของออสเตรเลียที่ยังอนุญาตให้ผู้เข้าชมสามารถอุ้มโควล่า และถ่ายรูปกับโควล่าได้ นอกจากนั้นแล้วที่นี่ยังมีพื้นที่ขนาดใหญ่ให้เราสามารถเข้าไปให้อาหารจิงโจ้ได้อีกด้วย เวลาเปิดทำการของที่สวน คือ 9.00 ถึง 17.00 ค่าเข้าชม คือ $36 ต่อท่าน



วิธีการเดินทางมาที่สวนอนุรักษ์แห่งนี้ มีหลายวิธีด้วยกัน คือ วิธีแรก ได้แก่ ทางเรือ เรียกว่า เรือ Miramar Boat Cruise ส่วนสาวเลือกใช้อีกวิธีคือ ทางรถบัส ใช้เวลาในการเดินทางด้วยรถบัส ประมาณ 75 นาที โดยขั้นรถบัสสาย 430 หรือ 445 จากสถานี Queens Street Plaza. หรือถ้าจะขับรถมาเอง ก็ใช้เวลาเพียงแค่ 15 ถึง20 นาทีเท่านั้นเองค่ะ



เมื่อมาถึงแล้ว ก็เดินเข้ามาด้านใน เพื่อซื้อตั๋วแล้วเจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้ซื้อแผนที่ กับคู่มือเดินเที่ยวที่นี่ จริงๆ แล้วคือ ตัวเองโหลดแผนที่เดินจากในอินเตอร์เนตมาแล้ว แต่ก็อยากได้เป็นที่ระลึกเลยเสียเงินให้เจ้าหน้าที่ไป $2 สำหรับค่าคู่มือเที่ยวสวนสัตว์



เมื่อเดินเข้ามาถึงข้างในบรรยากาศ คือ ต้นไม้เขียวครึ้มเต็มไปหมด แล้วก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กๆ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม เดินเข้ามาไม่ทันไร ต้องร้องกรี้ด วิ่งพุ่งเข้าไปที่น้องโควล่าที่อยู่ตรงหน้า



โดยปกติแล้ว เวลาไปที่สวนสัตว์ที่ซิดนี่ย์ ส่วนมากโควล่าจะหลับสะลึมสะลือตลอด แต่มาที่นี่คือ แบบโควล่าตื่น!!!!! ยังไม่พอ มีวิ่งเล่นปีนป่ายไปมาให้เห็น อยู่ออสเตรเลียมาเกือบสามปีครั้งนี้ คือ ครั้งแรกที่เคยเจอโควล่าร่าเริงขนาดนี้ 5555


หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ ต้องขออธิบายให้ฟังก่อนว่า ลักษณะโดยธรรมชาติของโควล่านั้น เป็นสัตว์ที่ชีวิตส่วนมากของเขาจะหลับเกือบตลอดเวลา คือ หลับประมาณ 23 ชั่วโมงต่อวัน และตื่นแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากโควล่าเป็นสัตว์ที่ไม่กินน้ำเลยตลอดชีวิต และได้น้ำจากพืชที่กินเป็นอาหาร คือ ยูคาลิปตัสเท่านั้น เพราะฉะนั้นโควล่าจะใช้พลังงานให้น้อยที่สุด ทำให้เวลาส่วนมากหมดไปกับการนอนนั่นเอง


อายุขัยของโควล่า อยู่ที่ 8-10 ปี เท่านั้น แต่ที่สวนแห่งนี้ เคยเป็นที่อยู่ของโควล่าที่มีอายุยืนที่สุดในโลก คือ 23 ปี ชื่อ Sarah โดยได้รับการบันทึกลงใน Guinness’s Book ด้วย แต่น่าเสียดายที่ Sarah ได้เสียชีวิตลงไปแล้วเมื่อปี 2001



และด้วยลักษณะทางธรรมชาติแบบนี้ ทำให้โควล่า จากที่เคยมีเป็นจำนวนมาก และเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของประเทศออสเตรเลียกลับลดจำนวนลงจนน่าใจหาย ต้องทำการอนุรักษ์ไว้ไม่ให้สูญพันธุ์ไปจากออสเตรเลีย ฉะนั้นเวลาที่เราเดินทางไปเที่ยวสวนสัตว์หลายๆ ที่ รวมถึงที่ New South Wales เวลาที่เราถ่ายรูปกับน้องโควล่า เราจะแค่ได้ยืนข้างๆ และแตะเบาๆ แค่ปลายขนเท่านั้น แค่นั้นจริงๆ 555 แต่ที่พิเศษก็คือ ถ้ามาที่ศุนย์อนุรักษ์โควล่าแห่งนี้ เรายังสามารถอุ้มน้องโควล่าแล้วถ่ายรูปได้อยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่ามาแล้วเราจะได้ถ่ายรูปกับโควล่าเสมอไป เพราะต้องขึ้นอยู่กับภาวะทางอารมณ์ของเค้าด้วย ถ้าหากเค้าเครียดเกินไป เจ้าหน้าที่ก็จะไม่อนุญาตให้เราถ่ายรูปได้ค่ะ


โดยถ้าหากว่าใครอยากที่จะถ่ายรูปกับน้องโควล่า ค่าเสียหายจะอยู่ที่ $25 โดยจะมีช่างภาพแบบมืออาชีพ และกล้องโปรมาถ่ายรูปให้เราแบบเป็นเรื่องเป็นราว แล้วหลังจากนั้นเราก็สามารถขอให้เขาใช้กล้องมือถือของเราถ่ายรูปให้เราได้ พอถ่ายเสร็จ เราก็จะได้ภาพที่ปริ้นออกมาแล้ว รวมถึงไฟล์ภาพที่เราสามารถโหลดเก็บไว้ได้ด้วย


ตอนแรกสาวก็ตั้งใจไว้แบบนั้นเช่นกัน แต่พอเดินมาถึงจุดถ่ายภาพที่อยู่ตรงกลางสวนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ต่อแถวเรียงรายอยู่ และด้วยเวลาของตัวเองที่มีจำกัดเพราะ ต้องบินกลับซิดนี่ย์วันนี้ เลยขอผ่านดีกว่า เพราะยังมีอีกหลายๆ จุดในสวนที่น่าสนใจ


ที่บอกว่ายังมีอีกหลายที่ เพราะ ออสเตรเลีย นอกจากจะมีสัตว์ที่เรารู้จักกันอย่างโควล่า และจิงโจ้ แล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตอีกหลายชนิดที่เราสามารถพบได้แค่ที่ประเทศออสเตรเลียเท่านั้น และสัตว์ต่างๆ เหล่านี้ ก็สามารถพบได้เกือบครบที่สวนแห่งนี้ โดยขอยกตัวอย่างคร่าวๆ สำหรับสัตว์ท้องถิ่นที่สามารถพบได้แค่ที่ประเทศออสเตรเลียเท่านั้น ว่ามีอะไรบ้างนะคะ เริ่มจาก


· Koala โควล่า หลายคนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหมี ด้วยเหตุที่ หน้าตา ลักษณะอาจจะดูคล้าย แต่จริงๆ แล้วโควล่าไม่ใช่หมี แต่เป็นสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องและเลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนกับจิงโจ้ แต่มีวิวัฒนาการที่แตกต่างกัน โดยจิงโจ้มีวิวัฒนาการบนพื้นราบ ในขณะที่โควล่ามีวิวัฒนาการการเติบโตอยู่บนต้นไม้ก็ คือ ต้นยูคาลิปตัส พืชท้องถิ่นที่สามารถพบได้อย่างทั่วไปในประเทศออสเตรเลีย โควล่าเป็นสัตว์ที่มีแขนขาที่แข็งแรงไว้สำหรับปีนป่าย และอาศัยอยู่บนต้นไม้ ขนแข็งกระด้าง เล็บมือและเท้าคม สีของขนจะมีสีที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่อยู่อาศัย




· Kangaroo หรือ Wallabie เป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนาการในสายพันธุ์เดียวกัน แต่ว่า Wallabies จะมีขนาดเล็กกว่าจิงโจ้ รวมๆ แล้วทั้งจิงโจ้ และ วัลลาบี นี่เราจะเรียกว่า Macropod หรือ มีความหมายว่า สัตว์ที่มีเท้าขนาดใหญ่ เพราะเป็นสัตว์ที่มีเท้าขนาดใหญ่ และมีหางยาวเพื่อใช้ในการทรงตัว เลี้ยงลูกในกระเป๋า และเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม





· Wombat สาวมักเรียกเจ้าตัววอมเบ็ทนี้ว่า "หนูหมู" 555 คือ หน้าตามันแบบ เหมือนหนูตัวใหญ่ๆ แต่ก็ยังตัวไม่ใหญ่เท่าหมูอ่ะ งงมั้ย 555 วอมเบ็ทเป็นสัตว์ที่ได้รับฉายาว่า เจ้านักขุดแห่งป่า เพราะเป็นสัตว์ที่มีไหล่ใหญ่ และเท้าหน้าที่แข็งแรงมาก สามารถขุดดินได้อย่างทะลุทะลวง เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยให้กับตัวเอง และเป็นสัตว์กินพืชที่ออกหากินตอนกลางคืน พบได้ทั่วไปในพื้นที่ชนบท ของออสเตรเลีย



· Tasmanian Devils เป็นสัตว์ที่สามารถพบได้เฉพาะที่รัฐแทสมาเนียเท่านั้น สาเหตุที่มาของชื่อ Tasmanian Devil คือ เวลาที่พวกมันตกใจ เลือดจะไหลเวียนขึ้นไปที่หู ทำให้หูของพวกมันกลายเป็นสีแดง แต่ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจแห่งทัสมาเนีย แต่พวกมันกลับเป็นสัตว์ที่ขี้อายมาก ตรงกันข้ามกับชื่อเลย วันนี้มาหลบอยู่ในรู มองไม่เห็นเลยได้แค่เอารูปจากในเน็ตมาให้ดูแทนเน้อ ขอโทษคร้าบ...



· Dingo โดยส่วนตัวแล้ว ตอนแรกที่เห็นคือ นึกถึงสุนัขบางแก้วที่เมืองไทย เพราะหน้าตาเหมือนกันมาก เลยลองไปหาข้อมูลดู สรุปว่าตัวดิงโก้ และสุนัขบางแก้วบ้านเรานั้นมีต้นกำเนิดสายพันธุ์เดียวกัน เพียงแต่ที่บ้านเรามีวิวัฒนาการจนกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยง ใขขณะที่ดิงโก้ ยังคงความเป็นสัตวป่า และที่สำคัญที่มีความแตกต่างจากสุนัขทั่วไป คือ ตัวดิงโก้ จะไม่เห่า ...โอ้ว...



· Emu เป็นนกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากนกกระจอกเทศ เอาจริงหน้าตามันก็ยังดูคล้ายกันมากๆ ด้วย 5555 แต่ที่นี่ คนนิยมนำไขมันจากใต้ผิวของนกอีมูมาทำเป็นครีม และครีมนกอีมูก็เป็นหนึ่งในของฝากยอดฮิตของประเทศออสเตรเลียอีกด้วยนะ




เดินมาจนถึงที่บริเวณที่สามารถให้อาหารจิงโจ้ได้ จะเป็นลานกว้างล้มรั้วขนาดใหญ่ แล้วปล่อยให้จิงโจ้อยู่อย่างอิสระ แล้วเราก็สามารถซื้ออาหารจากเจ้าหน้าที่เพื่อมาป้อนจิงโจ้ได้ในราคา $2 จิงโจ้ที่นี้เชื่องมาก ไม่กลัวคนเลย แต่ยังไงเวลาที่ให้อาหารก็ต้องระวังนิดนึงถึงแม่ว่าจะดูว่าน่าไว้ใจก็ตาม 5555




เดินวนครบรอบชมนู้นนี่ไปมาเพลินๆ ก็เกือบ 2 ชั่วโมงได้เวลาต้องกลับแล้ว ที่รู้เพราะ ท้องมันร้อง 5555 ขึ้นรถบัสกลับเข้าเมืองมาเหมือนเดิม กลับไปที่ Queens Street เพราะที่ผ่านมาสองสามวัน ได้แต่ผ่านไปผ่านมาไม่ได้เดินเที่ยวที่นี่แบบจริงจังสักที บ่ายนี้มีเวลาก่อนกลับจึงต้องสำรวจสักหน่อย ระหว่างทางลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตดู เพราะใจคืออยากจิบกาแฟ กับเบเกอรรี่อร่อยๆ ซึ่งจริงๆแล้วที่ควีนส์สตรีตก็มีน่าลองอยู่หลายร้าน เลยลองเลือกๆ ดูแล้วพอไปถึงที่ร้านค่อยตัดสินใจเลือกอีกที




Queens Street เป็นลานห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่บนถนน Queens Street ที่ประกอบไปด้วยร้านค้ากว่า 700 ร้านด้วยกัน เรียงรายไปด้วยร้านค้าขนาดเล็กไปจนถึงแบรนด์เนมสุดหรูได้ถูกนำมารวมไว้บนถนนช้อปปิ้งแห่งนี้ บนพื้นที่ทั้งหมดกว่า 4000 ตารางเมตร




ห้าง Outdoor ขนาดใหญ่แห่งนี้ถูกออกแบบตั้งแต่ปี 1982 โดยนักออกแบบชื่อ Robin Gibson เพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาระดับชาติอย่าง The Brisbane Commonwealths Games ใต้ดินของ Queens Street Mall คือ Queen Street bus station ตลอดสองข้างทางมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เรียงรายอยู่


เช่น


· Myers Center เป็นห้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีร้านค้ากว่า 200 ร้าน ในอาคารที่มีทั้งหมด 6 ชั้นด้วยกัน




· Broadways on the mall อาคาร 4 ชั้น มีร้าน H&M และ ยูนิโค อยู่ด้านหน้า




· Brisbane Arcade ศูนย์รวมร้านค้าเก่าแก่บนถนน Queens street ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 90 ปี เป็นร้านช้อปปิ้งแนวย้อนยุคที่ยังคงครบถ้วนด้วยบรรยากาศแบบเก่า เหมือนกลับไปในยุคนั้นจริงๆ เมื่อก้าวเข้าไปในห้างแห่งนี้




ห้างนี้ เป็นห้างที่อยู่ในความทรงจำอันยาวนานของเมืองบริสเบน เป็นแหล่งช้อปปิ้งในยุคแรกๆ ของชาวบริสเบน รวมถึงเป็นที่พบปะสังสรรค์ของชาว Brissy ก็ว่าได้ค่ะ ครั้งหนึ่งบริเวณนี้เป็นของ Patrick Mayne จากการสร้างเป็นร้านขายเนื้อของครอบครัว ก่อนจะถูกออกแบบ และพัฒนาเป็น Brisbane Arcade ด้วยลูกทั้ง 2 คนของเค้า คือ Dr.Jane O’nell Mayne และ Ms. Marry Emilia Mayne ในปี 1923 ตั้งแต่ในยุคที่ Queensland ยังไม่มีวิทยุ และมีประชากรเพียงแค่ 300,000 เท่านั้น



ผู้คนมักจะมาเลือกแหวนแต่งงานที่นี่ หรือ แม้กระทั้งพาเด็กๆ มาทานช็อคโกแลตที่นี่ ถึงแม้ตัวเมืองจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ Brisbane Arcade ก็ยังคงมีเสน่ห์ และคงความคลาสสิคไว้ได้เป็นอย่างดีนะ ในความคิดเห็นของสาว ข้างในเป็นอาคาร 3 ชั้น ปัจจุบันเป็นแหล่งรวม เครื่องประดับ และชุดเจ้าสาว รวมถึงห้องจัดเลี้ยงและร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่


· Queens Plaza อาคาร 3 ชั้นที่เป็นที่ตั้งของ ห้าง David Jones ศูนย์รวมร้านค้า แบรนด์เนมสุดหรูต่างๆ รวมกันอยู่ที่นี่




· The Winter Garden ศูนย์รวม Local Brand ต่างๆ



บรรยากาศที่ Queens Street นี่บอกเลยว่าคึกคักลอดเวลาทั้งกลางวัน กลางคืน หลังจากที่เดินสำรวจร้านแต่ละร้านแล้ว สุดท้ายก็มาจบที่ร้าน คาแฟ่ Dello Mano ที่ Tattersalls Arcade





ร้านนี้เห็นในรีวิวแล้วน่าสนใจมาก คือ แบบเค้กน่าทานมากๆ โดยเฉพาะบราวนี่ที่นี่ ถือว่าขึ้นชื่อระดับที่ดาราฮอลิวู้ด หรือพวกเซเล็บก็ต้องมาสั่งเค้กที่นี่ทานกันเลยทีเดียว พอมาถึงที่ร้านก็เลยไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ร้านคิวจะยาวมาก



ร้านเป็นเพียงแค่ห้องกระจกเล็กๆ ไม่ใหญ่ ตั้งอยู่ในตรอกตรงข้ามกับ David Jones ตรงตรองทางเดินเข้าจะมีโต๊ะกาแฟตั้งเรียงราย และมีลูกค้านั่งจับจองกันเกือบเต็ม พอเดินเข้าไปที่ร้านยิ่งแล้วใหญ่ แทบไม่มีที่ยืน ไม่แน่ใจว่าเป็นแบบนี้ทุกวันมั้ย แต่วันที่เราไปคือ คนแน่นมาก




จนได้สั่งกาแฟมาชิม แล้วก็เลือกสั่งทาร์ตมาทานกับกาแฟ แล้วก็สั่งบราวนี่ที่เป็นแบบ Gift Set 4 ชิ้น 4 รสชาต โดนไป $18 หิ้วกลับมาทานทีหลัง ที่ซื้อมาเป็นเซ็ต เพราะเห็นกล่องน่ารักดี ดูเค้าแบบตั้งใจทำอ่ะ ห่อผูกโบว์ให้เก๋ๆ ซื้อเป็นของฝากได้สบายๆ ตอนแรกตั้งใจว่าจะหิ้วกลับมาจนถึงซิดนีย์ สรุปทานที่ร้านไป 1ชิ้น ส่วนที่เหลือคือ หมดที่สนามบินบริสเบนนั่นแหละ จะบอกว่บราวนี่ คือแบบ หอมนุ่ม ละเนื้อแน่นมาก อร่อยแบบละลายในปากเลยว่างั้น 55555



กาแฟรสชาติกลมกล่อมใช้ได้ ถ้าจะให้บอกตามตรงคือ ถ้ามาดื่มกาแฟที่ออสเตรเลียนี่ ร้านไหนก็อร่อย ร้านเล็กร้านใหญ่ตามตรอกซอกซอยอร่อยหมด เพราะ คนที่นี่ชอบทานกาแฟมาก จึงไม่ค่อยผิดหวังกับกาแฟที่นี่สักเท่าไหร่


ส่วนของทาร์ตนั้น หอมตั้งแต่เดินเข้าร้าน หน้าครีมไม่หวานจนเกินไป แป้งนุ่มหอมไม่ร่วน สรุปให้ร้านนี้เต็ม 10 นั่งจิบกาแฟเบาๆ พร้อมกับ pre check in ไฟลท์ที่จะต้องเดินทางกลับซิดนี่ย์เรียบร้อยจะได้ไม่ต้องรีบร้อนตอนไปที่สนามบิน เสร็จแล้วก็กลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรมเมื่อเช้า เพื่อขึ้นรถไฟไปสนามบิน




พอลงรถไฟที่สนามบิน เวลายังเหลือ เพราะไฟลท์กลับคือ 6 โมงเย็น จากที่ดูข้อมูลไว้เมื่อคืนก่อน เห็นว่าที่ใกล้ๆ สนามบิน มี Outlet ด้วย โดยสามารถนั่งรถ Shutter Bus ฟรีจากสนามบินทั้งภายใน ต่างประเทศ ใช้เวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น เมื่อเห็นแบบนี้แล้วจะรออะไร ก็ไปต่อสิค่ะ เที่ยวจนนาทีสุดท้าย555




พอไปถึงก็ต้องเช็คตารางรถขากลับก่อน และสอบถามคนขับรถ เพื่อคอนเฟิร์มอีกครั้งว่ารถตรงเวลาแน่นะ เพราะไม่อยากเที่ยวจนพลาดไฟล์ทนั่นเอง




ที่นี่มีสินค้าหลากหลายแบรนด์ให้เลือก เดินวนๆ ไปได้สักพักเริ่มตาลาย เพราะ คนเยอะมาก คือ มีทั้งนักท่องเที่ยว และ คนท้องที่อ่ะ ส่วนตัวไม่คิดว่าจะซื้ออะไรอยู่แล้ว เลยหยุดเดิน แล้วหาอะไรทานแทน เพราะ กว่าจะถึงซิดนี่ย์ ก็คงมืดแล้ว พอถึงสนามบินก็คิดว่าน่าจะพุ่งตัวตรงกลับบ้านทันที และนี่คือข้ออ้างที่อ้างกับตัวเอง 555 เวลาเที่ยวนี่คือ ปกติสาวไม่ค่อยจะช้อปปิ้งนู้นนี่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเรื่องกินนี่ คือ ถึงไหนถึงกัน ข้ออ้างมีเป็นล้านแปดในหัว 5555


เดินวนๆ ต่อไป เพื่อหาร้านที่ดูแล้วน่าลอง ที่นี่มีทั้งส่วนที่เป็น ฟู้ดคอร์ทราคาไม่แพง ไปจนถึงร้านคาเฟ่ และภัตราคารที่แยกเป็นร้านๆ เป็นสัดส่วน ในที่สุดก็มาจบที่ร้านคาเฟ่แบบกลางๆ คนแน่นๆ เพราะคิดว่าอาหารน่าจะพอทานได้ เลยจบที่ร้านนี้ เมนูที่สั่งเป็น Buffalo Wings กับ Craft Beer นั่งชิลอยู่ที่นี่จนถึงเวลาที่จะต้องขึ้นรถบัสกลับไปที่สนามบิน



พอถึงก็พอดีเวลาขึ้นเครื่องพอดิบพอดี ไม่ต้องรอที่สนามบินนานๆ เพราะสนามบินที่บริสเบนนั้นไม่ใหญ่มาก เดินวนแป้บเดียวก็เดินครบหมดแล้ว พอขึ้นเครื่องปุ้บ เครื่องยังไม่ทันเทคออฟ ตัวสาวเองกะชัตดาวน์หลับตลอดทาง จบทริปเที่ยวเดี่ยวที่บริสเบนอย่างสมใจ ไว้โอกาสหน้าไปจะมาเล่าทริปอื่นๆ ให้ฟังอีกนะคะ


สุดท้าย ขอฝาก เว็บไซด์ ฝากเพจ และ อินสตราแกรมไว้ด้วยคร้า

สำหรับวิธีการอัพเดท ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ สามารถติดตามได้ที่

Facebook Page กด Like & Share Page : https://www.facebook.com/Alexlifejourney/

Follow IG : https://www.instagram.com/alexlifejourney/

หรือติดตามอ่านรีวิวการเดินทางท่องเที่ยว และข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้ที่

https://www.alex-in-the-wonderland.com/


** บริการนำเที่ยว ทั้งส่วนตัว และคณะ **


ขอบคุณที่ติดตามและจะนำข้อมูลดีๆ ที่น่าสนใจมาฝากเรื่อยๆ นะคะ

Comments


About Me

Hi my name is Alex. I love travelling and cooking (I think Eating is appropriate for me), love to learn the new culture, interest in history and love make the new friends. When I was in Thailand I was freelance tourist guide took the tourist travel around in Thailand and oversea. I would love to share my travel  story on this website.  Now I am base in Sydney Australia.

 

And you can also follow my journey on my Instagram, Facebook and subscribe my channel on YouTube at ‘Alex in the Wonderland channel’.

contact : Iamalexsao@gmail.com

 

Join My Mailing List

© 2023 by Going Places. Proudly created with Wix.com

bottom of page